เรื่องเสียว พรุ่งนี้ภรรยาของผมจะต้องเดินทางไปดูแลสาขาที่ต่างประเทศเป็นเวลา 1 เดือน เพราะบริษัทที่เธอทำงานอยู่ได้ขยายสาขาไปเปิดที่ประเทศนั้นเป็นสาขาแรก เราเพิ่งแต่งงานกันได้ 2 เดือนและผมเป็นคนที่โชคดีมากเพราะเธอคือรักแรกของผม เธอทำให้ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ ผมตามจีบเธอจนเธอใจอ่อนรับรักผมจนได้ ผมจำได้ดีวันที่ต้องห่างจากเธอเพราะเธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ผมคิดถึงเธอทุกวันจนแทบทนไม่ไหว แล้ววันหนึ่งเธอเรียนจบกลับมา ผมก็ขอเธอแต่งงานทันทีเพราะไม่อยากเสียเธอไปอีก แต่พรุ่งนี้เธอต้องบินแล้วถึงมันจะเป็นเวลาเพียง 1 เดือนแต่ผมก็รักเธอและคิดถึงเธอจนไม่อยากให้เธอไป แต่ก็นั่นแหละด้วยหน้าที่การงานผมก็ต้องอดทน ผมรักเธอมากจริง ๆ และผมคงคิดถึงเธอมาก คืนนี้ผมจึงต้องสร้างความสุขให้เราสองในค่ำคืนที่ฝนตกและอากาศดีแบบนี้
“ซี๊ดดด อาา อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ปอนด์แรงอีกค่ะ เอมเสียวไม่ไหวแล้ว อ๊าา แรงอีก อืม แบบนั้นแหละ ซี๊ดด” เอมครางกระเส่าด้วยความเสียวกระสัน จากบทรักร้อนแรงที่ผมจัดให้เธอเป็นค่ำคืนส่งท้ายก่อนจะต้องห่างกันถึง 1 เดือน เอมยังคงสวยไปทั้งตัวเหมือนเดิมแบบที่ผมเคยรู้จักตั้งแต่วันแรกที่เราแต่งงานกัน ร่างกายที่นวลเนียนเมื่อยามสัมผัส หน้าอกที่ใหญ่กำลังดีหัวนมสีชมพูระเรื่อทำให้ผมอยากดูดดื่มไปตลอดทั้งคืน
โดยเฉพาะในเวลาที่เธอเสียวและแอ่นหน้าอกขึ้นมามันกระเพื่อมอยู่ตรงหน้าผมใช้มือเคล้าคลึงบีบเค้นเบา ๆ เพราะกลัวหน้าอกของเธอจะเสียรูป เอวคอดและสะโพกผายกำลังดีได้รูปทำให้ผมอยากจะลูบไล้ไปตลอด ร่องสวาทที่ผมได้ใช้ลิ้นโลมเล้าลงไปดุนดันกับติ่งเสียวยามที่เธอแอ่นเอวขึ้นมารับ ทุกอณูในร่างกายและทุกท่วงท่าที่เธอตอบรับมันทำให้ผมคลั่งไคล้และอยากจะบินตามเธอไปอยู่ที่ต่างประเทศด้วย แต่ผมก็ทำได้เพียงจัดบทรักอันเร่าร้อนให้กับเธอเอาไว้ระลึกถึงตอนที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น
หลังจากค่ำคืนอันแสนสุขผ่านพ้นไป เช้าวันนี้ผมขับรถมาส่งเธอที่สนามบิน เราโอบกอดเพื่อร่ำลากันแล้วเธอก็ต้องขึ้นเครื่องเพื่อไปทำงาน ในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ผมคงจะเหงาและคิดถึงเธอมาก แต่เธอก็ปลอบผมว่า 1 เดือนมันแค่แป๊บเดียวเท่านั้น ผมก็หวังว่ามันจะแป๊บเดียวจริง ๆ แต่คุณเคยต้องรอคอยใครที่รักมากหรือไม่ ช่วงเวลาแห่งการรอคอยมักยาวนานกว่าปกติเสมอ ไม่เหมือนช่วงเวลาที่เรามีความสุข เพราะความสุขมักจะทำให้เวลาผ่านไปเร็วจนเราไม่ทันได้ตั้งตัว “เฮ้อ ต้องอยู่บ้านคนเดียวสินะ อยากให้พรุ่งนี้ครบ 1 เดือนเอมจะได้กลับมาเร็ว ๆ” ผมบ่นออกมาเบา ๆ พร้อมกับเดินกลับไปที่รถ
ผมกลับมาถึงบ้านหาอะไรกินเสร็จเรียบร้อยก็นอนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว เอมส่งข้อความมาบอกว่าถึงสนามบินที่ประเทศนั้นเรียบร้อยแล้ว ผมคุยกับเธออยู่พักใหญ่ก่อนเธอจะขอตัวไปพักผ่อน ผมรู้สึกว่าบ้านมันเหงาเกินไปที่ไม่มีเอม เลยคิดว่าจะจัดห้องทำงานเพื่อฆ่าเวลาสักหน่อย บริษัทของผมทำงานแบบ work from home มาสักพักแล้ว และห้องทำงานของผมมันก็เริ่มรกขึ้นทุกวัน ไหน ๆ ก็ต้องอยู่บ้านเหงา ๆ การจัดห้องทำงานก็คงจะช่วยแก้เหงาได้บ้าง ผมเริ่มจัดของไปเรื่อย ๆ นำอุปกรณ์บางชิ้นที่ไม่ได้ใช้ใส่ลังกระดาษและนำไปเก็บที่ห้องเก็บของ
ในขณะที่อยู่ในห้องเก็บของผมเหลือบไปเห็น Talking Dict เครื่องหนึ่งจึงหยิบขึ้นมาดู จำได้ว่าผมเคยมีเครื่องลักษณะแบบนี้ตอนสมัยเรียนม.ต้น แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว แต่เครื่องนี้ไม่ใช่ของผมอาจจะเป็นของเอมก็ได้ ผมหยิบมันขึ้นมาลักษณะมันเป็นฝาพับสีเงินแวววาว เมื่อเปิดขึ้นมาก็พบว่ามันไม่ใช่ Talking Dict มีหน้าจอและแป้นพิมพ์คล้ายกัน แต่ที่หน้าจอมีทั้งหมด 3 บรรทัด บรรทัดแรกมีคำว่าสถานที่ บรรทัดที่ 2 คำว่าวันเดือนปี บรรทัดที่ 3 ให้ใส่ชื่อ ผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร แต่ในตอนนั้นผมนึกถึงเอมและนึกถึงสมัยที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ
ผมจึงเลือกใส่สถานที่เป็นมหาวิทยาลัยที่เอมไปเรียนต่อที่เมืองนอก วันเดือนปีเป็นช่วงที่เอมอยู่ที่นั่น และแน่นอนผมใส่ชื่อจริงนามสกุลจริงของเอมลงไป หลังจากกดปุ่ม OK ห้องเก็บของที่เปิดไฟสว่างก็พลันมืดสนิทผมมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่มีแม้แต่แสงเล็ดลอดมาจากทางหน้าต่าง จากนั้นก็เริ่มมีแสงรำไรลอดเข้ามาผมเริ่มมองเห็นบรรยากาศโดยรอบ เมื่อสายตาเริ่มโฟกัสได้ผมก็รับรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องเก็บของในบ้านของผมแต่มันคือห้องส้วม
“เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมาอยู่ในห้องส้วมวะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบเด็กผู้ชายวัยรุ่นกำลังยืนคุยกันที่อ่างล้างมือ บางคนก็เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำมา ผมเดินออกไปด้านนอกห้องน้ำเมื่อหันไปมองทางด้านขวามือก็พบเด็กวัยรุ่นผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหญิง “เอม เอมใช่มั๊ย”